ปอร์เช่พร้อมรถต้นแบบทั้ง 2 คัน คว้าชัยบนโพเดี้ยม

By / 5 months ago / News / No Comments
ปอร์เช่พร้อมรถต้นแบบทั้ง 2 คัน คว้าชัยบนโพเดี้ยม

ที่สนามอิโมลา

การแข่งขันระยะเวลา 6 ชั่วโมง เริ่มต้นขึ้นในเวลา 13:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศเยอรมนี ท่ามกลางสภาพอากาศแจ่มใส ในช่วงแรกของการแข่งขันเกิดอุบัติเหตุชนกันของรถไฮเปอร์คาร์หลายคัน บริเวณทางโค้ง Tamburello ส่งผลให้ต้องมีการใช้รถ Safety car สำหรับรถ Porsche 963 มีอังเดร ลอตเตอเรอร์ (André Lotterer) นักขับชาวเยอรมัน ขับรถหมายเลข 6 และไมเคิล คริสเตนเซ่น (Michael Christensen) นักขับชาวเดนมาร์ก ขับรถหมายเลข 5 ลงสนามแข่งขันกับทีมรถ Ferrari (เฟอร์รารี) เจ้าถิ่นไปอย่างสูสี สำหรับ ลอเรนส์ แวนธูร์ (Laurens Vanthoor) นักขับชาวเบลเยียมสามารถทำผลงานได้ดีด้วยรถหมายเลข 6 จากอันดับ 4 บนกริดสตาร์ท เร่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้อย่างรวดเร็ว ส่วน เฟรเดริก มาโคเวียคกี (Frédéric Makowiecki) นักขับชาวฝรั่งเศส ในรถหมายเลข 5 สามารถรักษาอันดับอยู่ในกลุ่ม Top 5 ได้สำเร็จ การแข่งขันดำเนินมาถึงช่วงกลางฤดูกาล รถแข่งทั้ง 2 คันของทีม Porsche Penske Motorsport ยังคงอยู่ในกลุ่มผู้นำและรักษาการตำแหน่งผู้นำได้สำเร็จ

เวลาประมาณ 17.00 น. หลังจากการแข่งขันดำเนินมากว่า 4 ชั่วโมง สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่นานหลังจาก ที่ เควิน เอสเตร (Kévin Estre) นักขับชาวฝรั่งเศส และ แมตต์ แคมป์เบลล์ (Matt Campbell) นั่งหลังพวงมาลัยในปอร์เช่ 963 ทั้ง 2 คัน ฝนก็เริ่มตกหนักมากขึ้น เอสเตร (Estre) เป็นคนแรกที่ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ Wet Tyres ยางสำหรับพื้นเปียก และ แคมป์เบลล์ (Campbell) นักขับชาวออสเตรเลีย ก็เปลี่ยนยางในเวลาไล่เลี่ยกัน รถเฟอร์รารี่ 2 คันที่นำอยู่ ใช้เวลานานสำหรับการเปลี่ยนยางสำหรับพื้นเปียก Wet Tyres ซึ่งส่งผลให้เสียเวลาไปกับการขับบนแทร็กที่ลื่น จึงทำให้พวกเขาตกลงไปอยู่อันดับที่ 6 และ 7 ตามหลัง แคมป์เบลล์ (Campbell) โดยที่ แคมป์เบลล์ (Campbell) มุ่งเน้นไปที่การไล่จี้รถหมายเลข 20 ของ BMW และหมายเลข 8 จากโตโยต้า (Toyota) ขณะที่ เอสเตร (Estre) กลับขึ้นมาอยู่อันดับสองอีกครั้ง ตามหลังหมายเลข 7 ของโตโยต้า (Toyata)

เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมง การหยุดเข้าพิทครั้งสุดท้ายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าพื้นบางส่วนของสนามแข่งจะยังเปียกอยู่ แต่ทีมไฮเปอร์คาร์เกือบทั้งหมดก็เปลี่ยนกลับไปใช้ยางสลิคสำหรับสภาพพื้นสนามแห้ง ส่งผลให้มีรถไถลออกนอกสนามบ่อยครั้ง ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ รถทั้ง 2 คัน ของปอร์เช่ (Porsche) กลับวิ่งได้อย่างราบรื่น แคมเบลล์ (Campbell) ชะลอการหยุดเติมเชื้อเพลิง และขับต่อไป ส่งผลให้เขาขยับขึ้นสู่อันดับที่ 3 และสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้จนจบการแข่งขัน เอสเตร (Estre) ยังคงอยู่อันดับ 2 ไล่ล่าตามหลังรถโตโยต้า (Toyata) ที่เป็นผู้นำอยู่ และนักแข่งชาวฝรั่งเศสก็สามารถแซงรถของ คามูอิ โคบายาชิ (Kamui Kobayashi) ไปได้ในช่วง 16 นาทีก่อนจบการแข่งขัน แต่เนื่องจากระหว่างการแข่งขันมีการแซงเกิดขึ้นในขณะที่มีรถ Safety Car ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสนาม เขาจึงถูกลงโทษด้วยการเพิ่มเวลา 5 วินาที ทำให้การต่อสู้ครั้งสุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะไม่ได้ชัยชนะ แต่พวกเขาก็ได้รับชัยชนะในการแข่งเปิดฤดูกาลที่กาตาร์ Estre, Vanthoor และ Lotterer ซึ่งได้ขึ้นเป็นนักแข่งผู้นำในอันดับที่ 2

Pierre Fillion, ACO-Präsident, Thomas Laudenbach (Leiter Porsche Motorsport), David Clark, Direktor & Gründer Jota Sport (l-r)

โธมัส เลาเดนบาค (Thomas Laudenbach) รองประธานปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต กล่าวว่า “แม้จะไม่ได้คว้าชัยชนะในสนามที่สองของฤดูกาล WEC ที่เมืองอิโมลา แต่ผลงานก็สูสีและเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม เราพลาดไปเล็กน้อยในช่วงที่สนามแห้ง แต่เมื่อฝนตกลงมา กลยุทธ์ของเราก็ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม นักแข่งของเราทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ในขณะที่นักแข่งหลายคนลื่นไถลออกนอกเส้นทาง สุดท้ายนี้ เราพอใจกับคะแนนที่ได้มาอย่างมากมายมหาศาล ขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องสำหรับการหยุดเข้าพิตที่รวดเร็วและกลยุทธ์อันยอดเยี่ยม และขอแสดงความยินดีกับทีมลูกค้าของเรา Manthey PureRxcing ด้วย หลังจากที่พวกเขาชนะในกาตาร์ พวกเขายังคว้าอันดับ 3 ในประเภท LMGT3″

เออร์ส คูราเทิล (Urs Kuratle) ผู้อำนวยการโรงงานมอเตอร์สปอร์ต LMDh (Director Factory Motorsport LMDh) กล่าวเสริมว่า “การขึ้นโพเดี้ยม 2 ครั้ง ท่ามกลางการแข่งขันที่ยากลำบากเช่นนี้ มันยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว ขอแสดงความยินดีกับทั้งทีม ไม่ว่าจะเป็นที่นี่ ไวส์ซาค (Weissach) หรือแม้แต่ที่มันไฮม์ (Mannheim) ด้วย เมื่อวานนี้เราพอจะเห็นว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายกำลังรอเราอยู่ แต่วันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราแข็งแกร่งมากๆ ในสภาวะอันทรหดเช่นนี้ นอกจากผลงานที่ดีในซีรีส์ IMSA แล้ว เรายังยินดีกับผลงานอันยอดเยี่ยมของ Porsche Penske Motorsport อีกด้วย เส้นทางแห่งความสำเร็จของเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเรากำลังทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยมและเข้ากันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

Porsche 963, Hertz Team Jota (#38). Jenson Button (UK), Phil Hanson (UK), Oliver Rasmussen (DK); Hertz Team Jota (#12), Will Stevens (UK), Callum Ilott (UK), Norman Nato (F)

Porsche 963 ของทีมลูกค้าทำผลงานดีที่สุด สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 11 ด้วยรถหมายเลข 38 ของทีม Hertz Team Jota ซึ่งขับโดย อดีตแชมป์โลก Formula 1 อย่าง เจนสัน บัตตัน (Jenson Button) จากสหราชอาณาจักร, ฟิล แฮนสัน (Phil Hanson) เพื่อนร่วมชาติของเขา และ เดน โอลิเวอร์ ราสมุสเซ่น (Dane Oliver Rasmussen) เข้ายึดตำแหน่ง P11 บนกริด ขณะที่รถร่วมทีมที่ขับโดยนักขับชาวฝรั่งเศส นอร์แมน นาโต้ (Norman Nato) และ บริทส์ คัลลัม อิลอตต์ (Brits Callum Ilott) และ วิล สตีเวนส์ (Will Stevens) นักขับชาวอังกฤษทั้ง 2 คน เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 14 ส่วนรถหมายเลข 99 ของทีม Proton Racing ต้องยุติการแข่งขันล่วงหน้า ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหมดเวลาการแข่งขัน

LMGT3: ปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์ จาก มานทาย (Porsche 911 GT3 R from Manthey)
ปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์ (Porsche 911 GT3 R) ที่ส่งลงสนามโดยทีมลูกค้า Manthey PureRxcing เริ่มต้นการแข่งขันที่อิโมลา (Imola) อเล็กซ์ มาลีคิน (Alex Malykhin) สตาร์ทจาก pole position สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างง่ายดาย และป้องกันคู่แข่งด้วยรถพละกำลังสูงถึง 416 กิโลวัตต์ (565 แรงม้า) และเมื่อมีฝนตกลงมาหลังการแข่งขันผ่านไป 4 ชั่วโมง นักแข่งชาวอังกฤษและเพื่อนร่วมทีม โจเอล สตอร์ม (Joel Sturm) จากเยอรมนี และเคลาส์ บาคเลอร์ (Klaus Bachler) จากออสเตรีย ก็ขึ้นนำ แต่การตัดสินใจของทีมที่มีการใช้ Wet Tyres กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบ เพราะเวลาที่เสียไปจากการเข้าพิต ส่งผลให้รถหมายเลข 92 ซึ่งเป็นผู้ชนะในสนามเปิดฤดูกาลที่กาตาร์ ต้องร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 3

Porsche 911 GT3 R, Manthey EMA (#91), Yasser Shahin (AUS), Morris Schuring (NL), Richard Lietz (A)

ส่วนรถร่วมทีมอีกคันของ Manthey EMA ประสบเหตุชนในช่วงต้นการแข่งขัน ส่งผลให้ต้องเข้าพิทเพื่อซ่อมแซมนานถึง 30 นาที ซึ่งนักแข่ง ยัสเซอร์ ชาฮิน (Yasser Shahin) ชาวออสเตรเลีย, มอร์ริส ชูริง (Morris Schuring) จากเนเธอร์แลนด์ และ (ริชาร์ด ลิทซ์) Richard Lietz นักขับรถปอร์เช่ชาวออสเตรีย ก็เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 16

สนาม Circuit de Spa-Francorchamps ที่ประเทศเบลเยียม จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน World Endurance Championship รอบที่ 3 ในปีนี้ จัดขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม การแข่งขันอันดุเดือดที่ Ardennes ใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการทดสอบความพร้อมก่อนการแข่งขันในตำนาน และเป็นไฮไลท์ของฤดูกาล อย่างการแข่งขัน 24 ชั่วโมง เลอ ม็องส์ ที่จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน

ความคิดเห็นจากเหล่านักขับต่อการแข่งขัน

Kévin Estre (ปอร์เช่ 963 หมายเลข 6) “มันเป็นสุดสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีม ที่เราสามารถคว้าอันดับ 2 และ 3 จริงๆ พวกเราไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์นี้ เราเกือบจะชนะด้วยซ้ำ แต่การแข่งขันมันดุเดือดมากกับการใช้ยาง Wet Tyres บนแทร็กที่แห้ง และรอบแรกหลังจากกลับมาใช้ยางสลิค มันแย่มากๆ แต่เพราะเรามีน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าโตโยต้า (Toyata) ทำให้สามารถไล่ตามทัน แต่ก็ไม่สามารถแซงได้ในช่วงนั้น ทีมทำงานหนักเพื่อเตรียมรถแข่งกลับมาสู่สนามแข่งและดึงศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุด ในสภาพสนามที่แห้ง เราขาดความเร็วไปนิดหน่อยเมื่อเทียบกับเฟอร์รารี่ (Ferrari) และโตโยต้า (Toyota) แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและการเลือกยางอย่างชาญฉลาด พวกเราจึงทำผลงานได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ซึ่งปีนี้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าปีที่แล้วมาก!”

Matt Campbell (ปอร์เช่ 963 หมายเลข 5) “ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน การควบคุมเวลาในการแข่งขันครั้งนี้เป็นเรื่องยากมาก การประคองรถให้อยู่ในสนามก็ไม่ใช่เรื่องง่าย รวมถึงการหาจังหวะที่เหมาะสมในการเปลี่ยนยางก็เป็นเรื่องที่ยากไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างนั้น การเริ่มต้นฤดูกาลของเรายังคงยอดเยี่ยม ด้วยผลงานบนโพเดียมของทีม”

Jenson Button (ปอร์เช่ 963 หมายเลข 38) “มันเป็นวันที่ยากตั้งแต่เริ่มต้น พอฝนเริ่มตก ที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงาน ผมแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยท่ามกลางสายฝนและกระจกหน้าที่สกปรก แต่มันก็ดีขึ้นหลังจากที่ได้หยุดเติมน้ำมัน แต่ตอนนั้นเราก็ตามหลังไปไกลแล้ว ถึงกระนั้นผมก็ยังสนุกกับช่วงเวลาที่อยู่บนรถแข่งปอร์เช่”

Joel Sturm (ปอร์เช่ 911 GT3 R หมายเลข 92)“มันยากมากที่จะควบคุมรถที่ใช้ยางสลิกท่ามกลางสายฝน ถึงกระนั้น ผมก็พยายามอย่างเต็มที่ และสามารถนำรถเข้าพิตได้อย่างปลอดภัยเพื่อส่งไม้ต่อให้กับเคลาส์ บาคเลอร์ (Klaus Bachler) เพื่อกลับลงสนามบนยาง Wet Tyres อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน สนามก็เริ่มแห้งอีกครั้ง ทำให้เราต้องตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปใช้ยางสลิค ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตาม อันดับที่ 3 ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ดีสำหรับเราแล้ว แต่อดคิดไม่ได้ว่าเราน่าจะคว้าคะแนนที่มากกว่านี้กลับมาได้”

ผลการแข่งขัน
คลาสไฮเปอร์ คาร์

1. Conway/Kobayashi/de Vries (UK/JPN/NL), Toyota GR010-Hybrid, 205 รอบ
2. Estre/Lotterer/Vanthoor (F/D/B), Porsche 963 หมายเลข 6, 205 รอบ
3. Campbell/Christensen/Makowiecki (AUS/DK/F), Porsche 963 หมายเลข 5, 205 รอบ
11. Button/Hanson/Rasmussen (UK/UK/DK), Porsche 963 หมายเลข 38, 203 รอบ
14. Stevens/Ilott/Nato (UK/UK/F), Porsche 963 หมายเลข 12, 200 รอบ
DNC Andlauer/Jani/Tincknell (F/CH/UK), Porsche 963 หมายเลข 99, 167 รอบ

คลาส LMGT3
1. Leung/Gelael/Farfus (UK/IDN/BR), BMW M4 LMGT3 หมายเลข 31, 187 รอบ
2. Rossi/Al Harthy/Martin (I/OMN/B), BMW M4 LMGT3 หมายเลข 46, 187 รอบ
3. Malykhin/Sturm/Bachler (UK/D/A), Porsche 911 GT3 R หมายเลข 92, 186 รอบ
16. Shahin/Schuring/Lietz (AUS/NL/A), Porsche 911 GT3 R หมายเลข 91, 171 รอบ

อันดับ
FIA World Endurance Championship, ประเภทโรงงาน (manufacturers)

1. ปอร์เช่ (Porsche), 57 คะแนน
2. โตโยต้า (Toyota), 48 คะแนน
3. เฟอรารี่ (Ferrari), 31 คะแนน

FIA World Endurance Championship, ประเภทนักแข่ง Drivers
1. ลอตเตอเรอร์/เอสเตร/วานธูร์ (Lotterer/Estre/Vanthoor), 56 คะแนน
2. โคบายาชิ/ คอนเวย์/ เดอ ไวรีส์ (Kobayashi/ Conway/ De Vries), 40 คะแนน
3. มาโคเวียคกี /แคมป์เบลล์/คริสเตนเซ่น (Makowiecki /Campbell/Christensen), 39 คะแนน

FIA World Endurance Trophy, ประเภททีม (Teams)
1. Manthey PureRxcing, 54 คะแนน
2. Team WRT, 37 คะแนน
3. Heart of Racing Team, 37 คะแนน

FIA World Endurance Trophy,ประเภทนักแข่ง (Drivers)
1. มาลิคิน/สตอร์ม/บาคเลอร์ (Malykhin/Sturm/Bachler), 54 คะแนน
2. ฟาร์ฟัส/เหลียง/เกลาเอล (Farfus/Leung/Gelael), 37 คะแนน
3. ริเบรัส/มานซิเนลลี/เจมส์ (Ribeiras/Mancinelli/James), 37 คะแนน