วิศวกรผู้ถ่ายทอดความเร้าใจจากจีที-อาร์ สู่รถยนต์ไฟฟ้านิสสัน

By / 3 years ago / News / No Comments
วิศวกรผู้ถ่ายทอดความเร้าใจจากจีที-อาร์ สู่รถยนต์ไฟฟ้านิสสัน

เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ของนิสสันมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจแบบนิสสันจีที-อาร์ R35 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้อัตราเร่งที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด

นาโอกิ นากาดะ คือ ผู้หลงใหลในรถยนต์ เขาคือหนึ่งในหัวหน้าทีมวิศวกรด้านเครื่องยนต์ที่พัฒนาเครื่องยนต์อันทรงพลังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ VR38DETT ที่ขึ้นชื่อเรื่องอัตราเร่งอันทรงพลังแบบหลังติดเบาะในจีที-อาร์ รหัส R35 ตัวล่าสุด เขาไม่เพียงแต่หลงใหลในเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่ดังก้องเวลาเหยียบคันเร่ง แต่นากาดะยังได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เงียบมากให้กับนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% การที่ได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนทั้งสองแบบที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว โปรเจ็คต่อมาของเขาคือผสานสองสิ่งอันโดดเด่นเข้าด้วยกัน ความเร็วและแรงจากรถสปอร์ต และแรงบิดที่เร็วทันใจจากรถยนต์ไฟฟ้า จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์

สำหรับแฟนรถสปอร์ตสมรรถนะสูง จีที-อาร์ จะยังเป็นตำนานตลอดไป ด้วยสมรรถนะและความเร็วที่ไร้ที่ติ “ตอนพัฒนาเครื่องยนต์ของ จีที-อาร์ R35 เราไม่เพียงแต่เน้นเรื่องความเร็ว แต่ต้องทำอัตราเร่งให้มีความเร้าใจด้วย” นากาดะ กล่าว “สำหรับคนขับจีที-อาร์ แทบไม่มีสิ่งใดมาเทียบกับความรู้สึกสุดยอดนี้ได้”

หลังจากที่ได้พัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กับนิสสัน ลีฟ แล้ว นากาดะก็ยังตั้งใจที่จะนำประสบการณ์จาก จีที-อาร์ ไปต่อยอดในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไป “หากต้องการสร้างสังคมที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ เราต้องส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า” นากาดะ กล่าว “รถยนต์ไฟฟ้าจากนิสสันต้องไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ต้องขับสนุกและตื่นเต้นด้วย”

เครื่องยนต์ที่คลายความกังวลของรถยนต์ไฟฟ้า

การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ไม่สามารถเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หลายคนยังลังเลที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะกังวลทั้งเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จในแต่ละพื้นที่ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ   นากาดะตระหนักถึงข้อจำกัดนี้ จึงหาทางออกเพื่อคลายกังวลให้กับลูกค้าด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ผสานประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและความสะดวกสบายของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์

นิสสัน อี-พาวเวอร์แตกต่างจากระบบไฮบริดตรงที่มันลดความยุ่งยากในการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงเพียงอย่างเดียว แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน สมรรถนะสูงจะถูกชาร์จด้วยเครื่องยนต์สันดาปที่ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ผู้ขับขี่อี-พาวเวอร์ จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น และทรงพลัง เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ เพียงแค่ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันเท่านั้น

การประหยัดน้ำมันถือเป็นอีกส่วนหัวใจสำคัญของระบบ อี-พาวเวอร์ ด้วยเครื่องยนต์ที่ทำงานด้วยความเร็วที่เหมาะสมเพื่อชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ และเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือวิ่งบนถนนขรุขระ เครื่องยนต์ก็จะทำงาน แต่ด้วยเสียงจากเครื่องที่เบามาก ผู้ขับขี่จะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบเหมือนตอนขับรถยนต์ไฟฟ้า

“หากมองเผิน ๆ อี-พาวเวอร์ เหมือนระบบที่พัฒนาออกมาได้ง่าย ๆ แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม”    นากาดะ อธิบาย “เราต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้และการผลิตกระแสไฟฟ้า การกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์น้ำมันให้ทำงาน และเลือกขนาดแบตเตอรี่ให้เข้ากับประเภทของรถ เราทำงานกันหนักมากเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ”

นิสสันเปิดตัว อี-พาวเวอร์ ในนิสสัน โน๊ต ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 และตามด้วยนิสสัน เซเรนา อี-พาวเวอร์ ไม่นานหลังจากนั้น อี-พาวเวอร์ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่นด้วยยอดขายที่ใกล้แตะ 500,000 คัน ในขณะที่โน๊ตเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นในปี 2561* และในปี 2564 ก็ได้มีการเปิดตัวนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ในประเทศญี่ปุ่น และบางประเทศในทวีปเอเชีย เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ อี-พาวเวอร์ อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

*ยอดขายประกอบด้วย โน๊ตรุ่นมาตรฐานและ โน๊ต อี-พาวเวอร์ โดยรุ่น อี-พาวเวอร์ คิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขาย

***สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube