ตลาดรถยนต์สิงหาคม

By / 3 years ago / News / No Comments
ตลาดรถยนต์สิงหาคม

อยู่ในช่วง Low season ยอดขายรวม 42,176 คัน ลดลง 38.8%

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2564 ชะลอตัวทุกเซ็กเมนท์ในช่วง Low Season โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 42,176 คัน ลดลง 38.8%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 13,845 คัน ลดลง 35% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 28,331 คัน ลดลง 40.5% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 21,875 คัน ลดลง 40.9%

ประเด็นสำคัญ 

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม 2564 มีปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 35% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นการระบาดของสายพันธุ์ Delta ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.)ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และภาคธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้ผูบริโภคส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ภายในประเทศและรัดกุมเรื่องการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low season ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการขายรถยนต์อีกด้วย

ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 รวมทั้งการออกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ต้องชะลอ หรือเลื่อนกำหนดการออกไป รวมไปถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทำให้ประชาชนเดือดร้อน ด้วยหลายเหตุปัจจัยต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และกระทบความสามารถในการซื้อรถยนต์ของลูกค้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา และการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2564

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,364 คัน ลดลง        42.8%         ส่วนแบ่งตลาด 29.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,035 คัน ลดลง        33.4%         ส่วนแบ่งตลาด 26.2%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,345 คัน ลดลง        37.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 13,845 คัน ลดลง 35%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า  4,906 คัน ลดลง       30.9%   ส่วนแบ่งตลาด 35.4% อันดับที่ 2 โตโยต้า 3,694 คัน ลดลง       30.0%         ส่วนแบ่งตลาด 26.7%

อันดับที่ 3 มาสด้า 1,061 คัน ลดลง       49.6%         ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,331 คัน ลดลง 40.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 11,035 คัน ลดลง       33.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.0%อันดับที่ 2 โตโยต้า 8,670 คัน ลดลง      46.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,012คัน ลดลง      23.3% ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 21,875 คัน ลดลง 40.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,638 คัน ลดลง     36.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,754 คัน ลดลง     42.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,012 คัน ลดลง     23.3% ส่วนแบ่งตลาด  9.2%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,487 คัน 

โตโยต้า 1,114 คัน – อีซูซุ687 คัน – มิตซูบิชิ278 คัน – ฟอร์ด 250  คัน – นิสสัน 158 คัน

 ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,388 คัน ลดลง 41.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,951 คัน ลดลง       39.8% ส่วนแบ่งตลาด 46.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 6,640 คัน ลดลง       43.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,762 คัน ลดลง      15.7% ส่วนแบ่งตลาด  9.1%               

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2564

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 467,809 คัน เพิ่มขึ้น 2.4%                            

อันดับที่ 1 โตโยต้า 146,589 คัน เพิ่มขึ้น        9.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 117,880 คัน เพิ่มขึ้น        9.1%       ส่วนแบ่งตลาด  25.2%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า 55,018 คัน ลดลง          1.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 150,885 คัน ลดลง 5.4%                                 

อันดับที่ 1 ฮอนด้า 47,557 คัน เพิ่มขึ้น       1.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 37,864 คัน ลดลง        5.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.1%

อันดับที่ 3 มาสด้า 13,235 คัน ลดลง        9.4% ส่วนแบ่งตลาด  8.8%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 316,924 คัน เพิ่มขึ้น 6.6%                            

อันดับที่ 1 อีซูซุ 117,880 คัน เพิ่มขึ้น      9.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 108,725 คัน เพิ่มขึ้น     16.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 20,429 คัน เพิ่มขึ้น     24.1% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) 

ปริมาณการขาย 246,625 คัน เพิ่มขึ้น 4.4%                            

อันดับที่ 1 อีซูซุ 107,060 คัน เพิ่มขึ้น       6.9% ส่วนแบ่งตลาด 43.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 92,458 คัน เพิ่มขึ้น      15.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 20,429 คัน เพิ่มขึ้น      24.1% ส่วนแบ่งตลาด  8.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 33,123 คัน 

โตโยต้า 14,525 คัน – อีซูซุ11,022 คัน – มิตซูบิชิ4,204 คัน – ฟอร์ด 3,015 คัน – นิสสัน 357 คัน

 ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 213,502 คัน เพิ่มขึ้น 0.5%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 96,038 คัน ลดลง          0.3% ส่วนแบ่งตลาด 45.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 77,933 คัน เพิ่มขึ้น        9.9% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 17,414 คัน เพิ่มขึ้น      30.0% ส่วนแบ่งตลาด  8.2%