Warning: call_user_func_array() expects parameter 1 to be a valid callback, class '' not found in /home/misss/domains/missside.com/public_html/wp-includes/class-wp-hook.php on line 324 ทดสอบขับ NEW MG HS PHEV “ 1 DAY 1 LITRE ” - missside.com

ทดสอบขับ NEW MG HS PHEV “ 1 DAY 1 LITRE ”

ทดสอบขับ  NEW MG HS PHEV  “ 1 DAY   1 LITRE ”

By จุฑารัตน์ อุ้มญาติ บรรณาธิการบริหาร missside

เรามาพูดคุยกันอีกครั้งกับสเปกซึ่งทางรายการเคยรีวิวเมื่อเปิดโฉมที่ผ่านมาไปแล้วครั้งหนึ่ง  

NEW MG HS PHEV  ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid  ที่ให้กำลังรวมจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า  284 แรงม้า  แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร  จากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน

เทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor  ให้กำลัง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร  พร้อมระบบเกียร์ EDU II – 10 SPEEDS  ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที  สามารถทำอัตราเร่ง 0.100 ภายในเวลา 7.5 วินาที   มากับรูปแบบการขับขี่ 5 โหมด ได้แก่ โหมด Normal , Eco , EV และ Sport  เสริมด้วยปุ่ม Super Sport   

แบตเตอรี่เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดุล  ขนาด 16.6 kWh ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%  ถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง  

NEW MG HS PHEV  โฉมดีไซน์ผสานความหรูและสปอร์ตได้ลงตัว เส้นสายตัวถังโค้งมน  กระจังหน้าแบบ Stellar Magnetic Field  ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ  ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่กลางวัน (DayTime Running Lights)  ไฟท้าย LED Space Light Field  และล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่สไตล์ Thunder Wing Blade ขนาด 18 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารแบบ 2-Tone Monaco Blue  เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat  ที่เบาะนั่งผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง  เพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร  พร้อมหลังคาซันรูฟ  มาที่จอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 12 นิ้ว  และจอควบคุมกลางทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว  ระบบเสียง Bose 8.1 Sound System สีสันภายให้ห้องที่สามารถปรับเฉดสีได้ถึง 64 เฉดสี เพื่อสร้างบรรยากาศ  ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกฝั่ง Dual Zone  ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า  และระบบกุญแจรีโมท Smart Key  

สำหรับเส้นทางเราจะขับด้วยระยะรวมประมาณ 63 กิโลเมตร  โดยช่วงแรกจะขับด้วย EV MODE กับระยะทางกว่าประมาณ 30 กิโลเมตร ขับบนเส้นทางปกติใช้งานจริง  จากถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์  มุ่งหน้าถนนพระราม 9 ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยังถนนบรมราชชะนี จุดนัดแรกที่ถนนพุทธมณฑลสาย 3  การขับแบบปลั๊กอิน ไฮบริด คันนี้ทำได้ดี อัตราเร่ง ออกตัว หรือจังหวะเร่งแซง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันได้ดี ไม่สะดุดในการเร่งหรือแซง เราใช้กำลังแรงม้าได้เต็มที่เลยขับสนุก ระหว่างทางได้ลองระบบ Adaptive Cruise Control  ระบบทำงานได้ดี

จากนั้นมาใช้ AUTO MODE  กับระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร จากถนนพรานนก พุทธมณฑลสาย 4 เข้าถนนราชพฤกษ์  จุดหมายต่อมาที่ถนนศาลาแดง   

เราออกจากถนนศาลาแดง ด้วย EV MODE กับระยะ 18 กิโลเมตร ใช้ถนนสาธรเหนือ มุ่งหน้าแยกวิทยุ เข้าถนนเพชรบุรี ผ่านพระราม9 แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ถนนเลียบด่วนรามอินทรา 

ขับ EV MODE โดยไม่ต้องกังวลว่าไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะหมด จากที่ได้ข้อมูลจากค่าย ระบบแบตเตอรี่ไฟฟ้านี้จะเก็บไฟฟ้าบรรจุไว้ให้ที่ 25% เราขับไปแบบสบายใจได้ หากไฟฟ้าแบตเตอรี่โชว์ว่าหมด  

ผลการทดสอบ MG HS PHEV กลุ่ม 4 ของแหม่ม ผลที่ได้จากการขับขี่จากสื่อมวลชนในรถทดสอบ ทั้ง 8 คัน

–  เส้นทางทดสอบแบบใช้งานจริงภายในเมือง (รถค่อนข้างเยอะ / ความเร็วเฉลี่ย 25.75 กิโลเมตร/ ชม.)  (ระยะทางทดสอบเฉลี่ยรวมจากทุกคัน 71.96 กม. )
– อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ของรถที่ใช้  EV Mode และ AUTO Mode สลับแบบการใช้งานทั่วไป  54.10 กม./ ลิตร


– อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยรวมของรถทดสอบทั้ง 8 คัน / บางคันมีการขับขี่ทุกโหมดอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย  36.68  กม./ลิตร
– ระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ด้วย EV Mode เฉลี่ยรวมของทั้งทั้ง 8 คัน 66.91 กม. (คันที่สามารถวิ่งได้ไกลสุด 75 กม.)
– ปริมาณใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่อคัน เฉลี่ย 1 ลิตร 320 ซีซี. / วัน