Warning: call_user_func_array() expects parameter 1 to be a valid callback, class '' not found in /home/misss/domains/missside.com/public_html/wp-includes/class-wp-hook.php on line 324 ฟอร์ดสานต่อโครงการ “เปลี่ยนความรู้...สู่อาชีพ” รุ่นที่ 6  - missside.com

ฟอร์ดสานต่อโครงการ “เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ” รุ่นที่ 6 

By / 10 months ago / News / No Comments
ฟอร์ดสานต่อโครงการ “เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ” รุ่นที่ 6 

มอบทุนการศึกษาพัฒนาศักยภาพภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง

ฟอร์ดลงนามความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ สานต่อโครงการ “เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ” ประจำปี 2566 มอบทุนการศึกษาและฝึกอบรม จำนวน 27 ทุน รวม 2,000,000 บาท พร้อมหุ่นยนต์ที่เคยใช้ประกอบรถยนต์ที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม)  เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิคสายงานช่างเมคคาทรอนิกส์และช่างยนต์ ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือช่างที่ฟอร์ดออกแบบร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ เพื่อขับเคลื่อนอาชีวศึกษาไทยสู่แรงงานทักษะขั้นสูง โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีในห้องเรียน และภาคปฏิบัติที่โรงงานเอฟทีเอ็ม และศูนย์บริการฟอร์ด ที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเวลา 2 ปี  

ในปีนี้มีผู้ได้รับทุนโครงการ “เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ” ในสายงานช่างเมคคาทรอนิกส์ทั้งหมด 9 คน โดยแบ่งเป็นพนักงาน 3 คน บุตรของพนักงานอีก 3 คน และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบอีก 3 คน สำหรับสายงานด้านช่างยนต์นั้น มีนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบเข้าร่วมโครงการ 5 คน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาที่ได้รับทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้วในทั้งสองสาขาอีก 13 คน

ทุนการศึกษาโครงการ “เปลี่ยนความรู้…สู่อาชีพ” เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของฟอร์ด ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความสำคัญต่อลูกค้าให้ครอบคลุมทุกด้าน เริ่มจากการผลิตรถที่มีคุณภาพจากโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดที่ดีเยี่ยมด้วยการนำเสนอนวัตกรรมการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลและมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าฟอร์ดเสมือนคนในครอบครัว โดยนับตั้งแต่โครงการนี้ได้เริ่มขึ้นในปี 2560 ฟอร์ด ได้มอบทุนการศึกษาให้กับพนักงานฟอร์ด และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบแล้วถึง 61 คน รวมเป็นเงินทุนการศึกษากว่า 6,484,000 บาท โดยมีนักศึกษาสาขาแมคคาทรอนิกส์ที่สำเร็จการศึกษาจากโครงการและเข้าทำงานที่โรงงานเอฟทีเอ็มแล้ว 13 คน และมีนักศึกษาสาขาช่างยนต์เข้าทำงานกับผู้จัดจำหน่ายแล้ว 4 คน

“ฟอร์ด มักจะสร้างกระแสให้กับวงการรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัย เราจึงอยากถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ชั้นสูงของฟอร์ดให้กับวิทยาลัยเทคนิค และนักศึกษาที่ได้เข้าไปสัมผัสและเรียนรู้การซ่อมบำรุงจริงที่ศูนย์บริการรถยนต์ฟอร์ดของเรา  จะได้เปิดประสบการณ์ในการทำงานอย่างตรงจุด  เพราะรถยนต์รุ่นใหม่ของฟอร์ดทุกรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งานใหม่ๆ ที่น่าสนใจ อีกทั้งที่ศูนย์บริการของเรา ยังมีนวัตกรรมการบริการที่ทันสมัย ทั้งเทคโนโลยีช่วยเหลือระยะไกลด้วยแว่นตา RealWear และ ‘ฟอร์ดพาส’ แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่รองรับงานบริการหลากหลายรูปแบบ ที่นักศึกษาจะได้สัมผัสและเรียนรู้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ดให้กับลูกค้าต่อไป”  นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทยกล่าวเสริม “และเพื่อเสริมศักยภาพให้กับผู้แทนจำหน่ายของเราดูแลและมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าฟอร์ดเสมือนคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือไปยังศูนย์บริการรถยนต์ฟอร์ดในภูมิภาคอื่นๆ ต่อไปในอนาคต”

โดยนอกจากทุนการศึกษาแล้ว ปีนี้ฟอร์ดยังได้ส่งมอบหุ่นยนต์ที่เคยใช้ประกอบรถยนต์ที่โรงงานเอฟทีเอ็มให้แก่วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ วิทยาลัยเทคนิคจังหวัดระยอง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา รวม 10 ตัว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิคสายงานช่างเมคคาทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“หุ่นยนต์ที่เรามอบให้กับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และสถานศึกษาในจังหวัดอื่นๆ จะเป็นประโยช์กับนักศึกษา ไม่เฉพาะผู้ที่ได้รับทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักศึกษาท่านอื่นที่ไม่ได้ร่วมโครงการ หรือเดินทางมาฝึกงานที่โรงงานของเรา เพราะหุ่นยนต์ดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีอันทันสมัย มีระบบการทำงานที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้การเรียนที่วิทยาลัยมีความตื่นเต้นและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่เรามอบโอกาสในการพัฒนาศักยภาพด้านช่างเมคคาทรอนิกส์ให้แก่บุตรของพนักงานในโรงงานเอฟทีเอ็ม ซึ่งแน่นอนว่าหากพวกเขาเรียนจบและอยากมาสร้างอนาคตที่ฟอร์ด เรายินดีต้อนรับเขาเข้าสู่ครอบครัวฟอร์ดเสมอ โรงงานของเราจะเติบโตต่อไปในอนาคต และพวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญของเราต่อไป” มร. วินโค้ ซาริค ผู้จัดการโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) กล่าว