Warning: call_user_func_array() expects parameter 1 to be a valid callback, class '' not found in /home/misss/domains/missside.com/public_html/wp-includes/class-wp-hook.php on line 324 ลองขับ ORA Good Cat - missside.com

ลองขับ ORA Good Cat

ลองขับ ORA Good Cat

เจ้าแมวเหมียวรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ถึงเวลาเจ้าแมวเหมียว  ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100%  มาวิ่งบนท้องถนนเมืองไทยรู้จักสักนิดนึงกับ ORA Brand ในประเทศจีน เขาได้เปิดตัว ORA Brand เมื่อปี 2018 และล่าสุดในปี 2021 นี้ทำยอดขายเดือนมกราคม-สิงหาคมที่ผ่านมาได้ 4 หมื่นคันเศษ  มาที่เมืองไทยบ้านเรา ทาง GWM ได้ทำแคมเปญเปิดพรีเซล เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดจองภายใน 24 ชม. ได้กว่า 4 พันคัน 

เจ้า ORA Good Cat มาด้วยกัน 3 รุ่น  คือ

  • รุ่น 400 TECH  สีรถภายนอกให้เลือก 2 สี   สีภายในคือ สีดำ (เบาะผ้า)
  • รุ่น 400 PRO  สีรถภายนอกให้เลือก 5 สี   สีภายในคือ สีดำ (เบาะหนัง)
  • รุ่น 500 ULTRA สีรถภายนอกให้เลือก 7 สี   สีภายใน คือ สีดำ สำหรับทุกตัวเลือกภายนอก ยกเว้นเลือกตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว จะได้ภายในสีเขียว/เทา และตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)

การออกแบบภายนอก Exterior Design  ในแบบคลาสสิกเหนือกาลเวลาภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic  

  • ไฟหน้าแบบ LED ในรูปทรง Cat Eye พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home
  • กระจังหน้าดีไซน์คลาสสิกพร้อมระบบ Active Air Intake
  • ไฟท้าย LED Tail Light Srtip ไฟหลังดีไซน์พาดยาวซ้ายจรดขวา พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
  • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น PRO และ ULTRA ส่วนรุ่น TECH  ขนาด 17 นิ้ว
  • มิติตัวถังขนาด 1,825 x 4,235 x 1,596 มม. (กว้างxยาวxสูง) ระยะฐานล้อ 2,650 มม.

การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ซันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง

การออกแบบภายใน Interior Design ภายใต้แนวคิด Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship

  • เบาะที่นั่งที่ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์
  • เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดาย
  • ระบบเบาะนวดไฟฟ้า ในรุ่น 500
  • หน้าจอ Interactive Double Screen พาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถขนาด 17.25 นิ้ว แบ่งออกเป็น หน้าจอหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว
  • ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย  รองรับ Apple Carplay และ Siri , รองรับ Android Auto และ Google Assistant , ระบบนำทาง และรองรับแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX
  • ลำโพงรอบทิศทาง จำนวน 6 ตัว
  • ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันได้ตลอดเวลาด้วยเสียง สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดีย ได้ในประโยคเดียว โดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการขับขี่ทำให้เกิดความปลอดภัย แบบไร้กังวล
  • การเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ช่วยให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่าง ได้จากระยะไกล และสามารถดูสถานะของรถรถได้ผ่านระบบ GWM Application
  • ฟังก์ชั่นอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงในรถยนต์ อาทิ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ
  • เกียร์ระบบ Electronic Shifter
  • ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
  • ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
  • หลังคาพาโนรามิคซันรูฟอัจฉริยะ เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์
  • เบาะที่นั่งหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 143 แรงม้า  แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร  ทำความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  พร้อมโหมดขับขี่มี 5 โหมด คือ โหมดมาตรฐาน ,โหมดสปอร์ต Sport, โหมด ECO, โหมด ECO+  และโหมด  Auto

แบตเตอรี่ ORA Good Cat

แบตเตอรี่ ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต ในรุ่น 400 TECH และ 400 RPO ความจุ 47.788 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร

แบตเตอรี่ ชนิดลิเธียม Ternary  ในรุ่น 500 ULTRA  ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร

การชาร์จ 3 แบบ

1.ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ( 0-80% ) 45 นาที ในรุ่น 400 ถ้ารุ่น 500 ใช้เวลา 60 นาที

2.ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ( 30 – 80% ) 32 นาที ในรุ่น 400 ถ้ารุ่น 500 ใช้เวลา 40 นาที

3.ชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC  8 ชั่วโมง ในรุ่น 400 ถ้ารุ่น 500 ใช้เวลา 10 ชั่วโมง

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)

* ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรถจะลดความเร็วลงและหยุดตามคันหน้า และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวหลังจากเบรกภายใน 3 วินาที รถของเราจะเคลื่อนตัวตามคันข้างหน้าอัตโนมัติ โดยจะมีระยะห่างการติดตาม

* ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย

* ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ โดยสามารถควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่

* ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีทีสุดในระดับ L2+ ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก

* การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ เมื่อเรดาร์ทำงาน จะตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอดและหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.

* ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถ เมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน เมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง

* ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น เมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที

* ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน

* ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน

* ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ

* การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

* ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง

* ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง

* กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ

* ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP)  ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

* ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

* ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่นมุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบบัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้นรถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก

การทดสอบครั้งนี้ by แหม่ม Motor Running ช่อง 5

การทดลองขับครั้งนี้เป็นแบบ 1 Day Trip ภารกิจเส้นทางการขับจากกรุงเทพฯ – จ.พระนครศรีอยุธยา – กรุงเทพฯ ระยะทางรวมกว่า 135 กิโลเมตร โดยทางเกรท วอลล์ มอเตอร์  (GWM) จัดรุ่นทดสอบคือ Good Cat  รุ่น 400 PRO  และ 500 ULTRA  เราเข้ารับฟังข้อมูลตัวรถยนต์ และทำความรู้จักระบบเทคโนโลยีในสนามปิด (Test Track) โดยใช้รุ่น 500  หลังจากนั้นทดลองขับ ORA Good Cat รุ่น 400 PRO บนเส้นทางถนนจริง 

เรามาเริ่มทดลองขับกันที่การสตาร์ทรถอันดับแรก การสตาร์ทใช้เท้าเหยียบที่แป้นเบรก ระบบไฟฟ้าทุกอย่างก็เริ่มการทำงาน (ไม่มีปุ่มกดสตาร์ทนะจ้ะ)  ออกเดินทางมุ่งหน้าอยุธยา ระหว่างเส้นทางลองอัตราเร่งหรือจังหวะแซงทำได้ดีซึ่งไม่ได้กังวล ด้วยเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองทันที ทำให้ขับสนุก  มาที่เข้าโค้งไม่เสียอาการ ด้วยมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ช่วยปรับลดความเร็วแบบอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง  ช่วงที่ขับด้านระบบความปลอดภัยก็ตอบสนองได้ดี เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ จะทำงานตามความเร็วที่ตั้งเอาไว้ แล้วจะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย , ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน

เป็นต้น เรื่องระบบจอดอัตโนมัติ 3 แบบ เหมือนกับ ตัว H6 มาอยู่ที่รุ่น 500 ULTRA แต่ยกเว้นการเข้า 50 เมตร แล้วถอยออกแบบอัตโนมัติไม่มีมา  อีกสิ่งหนึ่งที่แอบไม่ชอบคือ เสียงเตือนต่างๆ เราว่าเสียงเชยไปหน่อยนะ

*** รอเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมราคาวันที่ 29 ตุลาคมนี้